15 สิงหาคม 2564 กรุงคาบูลล่ม! ตาลีบันประกาศชัยชนะ
ประธานาธิบดีอัชราฟ กานี บินหนีออกนอกประเทศได้เฉียดฉิว ชาวเมืองตื่นตระหนก ต่างดิ้นรนที่จะหนีออกนอกประเทศ
ฝันร้ายของประชาชนภายใต้การปกครองของตาลีบันเมื่อสองทศวรรษก่อนยังคงอยู่ โดยเฉพาะชะตากรรมของผู้หญิงและเด็กหญิง
และชะตากรรมเช่นนั้นถูกนำมาบอกเล่าอยู่ในภาพยนตร์เรื่อง OSAMA เรื่องราวของเด็กหญิงวัย 12 ปีที่ต้องพรางเพศไว้ในเครื่องแต่งกายชายเมื่อตาลีบันบุกกรุงคาบูลในปี 1996 ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายปี 2003
OSAMA เปิดฉากด้วยการเดินขบวนประท้วงของผู้หญิงในกรุงคาบูล พวกเธอชูป้าย ร้องตระโกนว่า “เราต้องการงาน เราต้องการสิทธิในการทำงาน เราไม่ใช่การเมือง เราหิว ของานให้เราทำ”
“พวกเราเป็นหม้าย”
แล้วขบวนประท้วงก็ต้องแตกกระเจิง ตาลีบันบุกถึงกรุงคาบูล!
OSAMA เด็กหญิงวัย 12 ขวบอยู่กับยายและแม่ที่เป็นหม้าย แม่เป็นนางพยาบาลที่ถูกค้างจ่ายค่าจ้างมาสี่เดือนแล้ว และนับจากนี้เธอไม่อาจออกนอกบ้านได้อีกแล้ว
ตาลีบันห้ามผู้หญิงออกนอกบ้านโดยไม่มีผู้ชายในครอบครัวไปด้วย ห้ามผู้หญิงพูดกับคนแปลกหน้า
“หนูอยากมีลูกชายมากกว่าลูกสาว เขาจะได้ช่วยหนูทำงาน หนูปรารถนาให้พระเจ้าไม่ทรงสร้างผู้หญิง” เธอรำพึงกับแม่วัยชรา
“ลูกพูดอะไรแบบนั้นล่ะ ผู้หญิง ผู้ชาย เท่ากันนะ แม่หัวหงอกแล้ว แต่แม่มองไม่เห็นความแตกต่างระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย พวกเขาต่างทำงานเท่ากัน และต่างโชคร้ายเท่ากัน” แม่ปลอบอย่างขมขื่น กอดหลานสาวไว้แนบอก ลูบไล้ผมของโอซามา
“ผู้ชายโกนผมใส่ผ้าคลุมหน้า ดูเหมือนผู้หญิง ผู้หญิงผมสั้น สวมหมวกกับกางเกง ดูเหมือนผู้ชาย พรุ่งนี้แม่จะโกนผมหลาน เอาเสื้อผ้าพ่อให้ใส่ เปลี่ยนเธอให้เป็นเด็กชาย”
“กาลครั้งหนึ่งนานมา” ยายเล่านิทานให้หลานฟัง “มีเด็กชายรูปหล่อ พ่อเขาตาย เขาออกไปทำงาน และกลับบ้านอย่างเหนื่อยล้า เขาเหนื่อยกับการทำงาน เขาปรารถนาจะเป็นเด็กผู้หญิง จะได้ไม่ต้องทำงาน วันหนึ่งผู้ทรงปัญญาบอกเขาว่าถ้าเขาเดินผ่านใต้สายรุ้ง เขาจะกลายเป็นเด็กผู้หญิง...”
“สายรุ้งคืออะไร” เด็กชายถาม
ผู้ทรงปัญญา “คือสิ่งที่รุสตัม นักรบผู้ยิ่งใหญ่ทิ้งไว้ให้พวกเราเพื่อปลดปล่อยเราจากความเจ็บปวดและความทุกข์ยาก”
...เด็กชายเป็นเด็กหญิง และเด็กหญิงเป็นเด็กชาย...
โอซามาถูกจับโกนผม ถูกจับแต่งตัวเป็นเด็กชาย เพื่อทำหน้าที่ปกป้องและหาเลี้ยงผู้หญิงในครอบครัว
แม่พาเด็กหญิงที่พรางกายเป็นชายไปฝากทำงานเป็นลูกจ้างในร้านขายนมเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว เจ้าของร้านเป็นเพื่อนเก่าของพ่อ เขาช่วยปกปิดเพศแท้จริงของเธอจากพวกตาลีบัน สอนเด็กหญิงให้ล้างหน้าล้างเท้าด้วยท่าทางแบบเด็กชายก่อนทำละหมาดพร้อมกับผู้ชายกลุ่มใหญ่ แต่เมื่ออยู่ในร้านเพียงลำพัง โอซามายังแอบเล่นกระโดดเชือกเหมือนเด็กหญิงทั่วไป
แล้ววันหนึ่งตาลีบันก็มานำตัวเธอไปเข้าโรงเรียนสอนศาสนาและฝึกทหารของตาลีบันร่วมกับเด็กชายอื่นๆ เด็กหญิงหวาดกลัว ละล้าละลัง จนถูกเด็กชายคนอื่นๆ สงสัย
ฉากที่ลุ้นมากว่าเธอจะถูกจับได้ คือฉากในโรงอาบน้ำ ตอนครูฝึกสอนให้เด็กชายอาบน้ำชำระล้างร่างกาย ขัดถูกองคชาติตัวเองเพราะ “พวกเธอจะมีฝันเปียกตอนหลับ แล้วต้องชำระล้างร่างกาย”
แล้วเขาก็ลงไปแช่น้ำทำให้เด็กชายดูเป็นตัวอย่าง “ก่อนอื่นเลยล้างมือตัวเองก่อน แล้วก็ถูข้างขวา ข้างซ้ายของจู๋พวกเธอ ด้านล่างด้วย” ระหว่างนี้เขาเหลือบเห็นโอซามาที่แอบอยู่ เด็กหญิงอ้างว่าเท้าเจ็บ เขาสั่งให้เด็กหญิงถอดรองเท้า ล้างเท้า ถอดเสื้อผ้าแล้วมาชำระล้างร่างกายตามที่เขาสอน
โชคดีที่ร่างกายโอซามายังไม่ผลิบาน เธอถอดเสื้อ พันผ้าช่วงล่างเหมือนเด็กชายคนอื่นๆ แล้วลงไปแช่น้ำ “ขวาสามครั้ง ซ้ายสามครั้ง แล้วตรงกลาง” เธอท่องตามที่เขาสั่ง
โอซามารอดจากโรงอาบน้ำมาได้ แต่ความกลัว ความละล้าละลัง และใบหน้าหวานของเธอก็ตกเป็นเป้าสายตาของครูฝึก และเด็กชายคนอื่นๆ รุมล้อเลียน มีเด็กชายเพียงคนเดียวที่พยายามช่วยปกปิดความลับของเธอ เอ็กซ์พานดีเป็นเด็กข้างถนน เขาเคยเจอเธอกับแม่ตอนที่เธอยังแต่งตัวเป็นเด็กหญิง
แต่ความลับพ่ายแพ้ให้กับธรรมชาติของร่างกาย ไม่นานความจริงก็ปรากฎ เพราะเธอมีประจำเดือนครั้งแรกไหลเปรอะเปื้อนให้เห็นต่อหน้าทุกคน เด็กหญิงถูกจับไปขังในคุกหญิงรอวันพิพากษา
วันพิพากษามาถึง ท่ามกลางประชาชนจำนวนมากมารอชม ผู้พิพากษาศาลศาสนาของตาลีบัน ตัดสินยิงเป้านักข่าวต่างชาติชาย โทษฐานแอบถ่ายรูปตาลีบันวันบุกคาบูล พิพากษาประหารหญิงต่างชาติโดยการขว้างปาหินใส่จนตาย โทษฐานไม่นับถือพระเจ้า
เมื่อถึงคราวของโอซามา มุลเลาะห์ชราที่มาร่วมดูการพิพากษาเข้าไปกระซิบกับผู้พิพากษา
“ข้ายกโทษให้” ผู้พิพากษาประกาศต่อสาธารณชน แล้วหันไปพูดกับมุลเลาะห์ชรา “เด็กกำพร้าคนนี้ไม่มีใคร ข้ามอบเธอให้แต่งงานกับท่านตามกฎหมายและกฎศาสนาของเรา”
“ข้ายอมรับ” มุลเลาะห์ชรากล่าวตอบ เด็กหญิงร่ำไห้ คุกเข่าเบื้องหน้าผู้พิพากษาชีวิตเธอ วิงวอนขอไม่ให้เขามอบตัวเธอให้ชายชราคนนี้ เธอเรียกหาแม่ “หนูจะหาแม่ หนูจะหาแม่” ชายชราจูงมือเธอฝ่าฝูงชนไปขึ้นเกวียน พาลับตาไป
มุลเลาะห์ชราพาเธอไปที่บ้าน เขาไขกุญแจแน่นหนาหน้าประตู ข้างในมีผู้หญิงหลายคนและลูกเล็กๆ อยู่ที่นั่น ล้วนแล้วแต่เป็นผู้หญิงที่ตาลีบันบังคับให้แต่งงานกับมุลเลาะห์ชราผู้นี้ เขาใส่กุญแจบ้านขังพวกเธอไว้ในบ้านตลอดเวลา
มุลเลาะห์ยื่นกุญแจให้โอซามาเลือก กุญแจที่มิเพียงกักขังเธอไว้ในห้องหับ แต่ปิดฉากชีวิตวัยเยาว์ของเธอตลอดกาล
เรื่องราวของโอซามาจบลงตรงฉากที่มุลเลาะห์ชราออกมาอาบน้ำชำระล้างร่างกาย “ขวาสามครั้ง ซ้ายสามครั้ง แล้วตรงกลาง”
